เปิดปูมความหลัง ประสบการณ์การทำงานใน ‘อาณาจักรบุหรี่ไฟฟ้า’ จากพนักงานที่กล้าเล่า

สวัสดีครับคุณผู้อ่านของ INFY Thailand ทุกท่าน วันนี้เราจะมานำเสนอคอนเทนท์ที่แหวกแนวกันสักนิด กับเรื่องเล่าของพนักงานคนหนึ่ง ที่เคยทำงานในดินแดนอสูรขนาดใหญ่ หรืออดีตพนักงานบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ผลักด้านวงการบุหรี่ไฟฟ้า หรือ E-cigs ในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว หลายคนอาจมองบุหรี่และพอตเป็นตัวร้าย ใช่แหละครับ เรื่องนั้นไม่ขอเถียง แต่การมีโอกาสได้ทำงานในบริษัทเหล่านี้ จะเลวร้ายจริงหรือ? ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไปฟังเรื่องเล่าของคุณ Jonathan Burger กันเลยครับ

ตอนนี้เรามาเริ่มต้นกันเลยดีกว่าครับ มาดูว่าการทำงานในวงการบุหรี่ โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ในวงการบุหรี่ (Big Tobacco Company) นั้นมันเป็นอย่างไรบ้าง? ก่อนอื่น เรามาทบทวนประวัติศาสตร์กันสักนิดก่อนครับ

ตัวผมได้มีโอกาสทำงานในบริษัท blu eCigs เป็นเวลานานมาก จะว่าไปแล้วก็เป็นผมเองนี่แหละ ที่ส่งแพคเกจสินค้าแรกของเราออกไปสู่ท้องตลาด ตอนนั้นก็แอบคิดว่าคงจะเป็นประวัติิศาสตร์สำคัญของตัวเองที่ได้จารึกไว้ในอีก 30 ปีถัดไป แต่ก็คงจะไม่อยากพูดแบบนั้นแล้ว ขอผ่านเรื่องนี้ไป แล้วมาเข้าเรื่องหลักกันต่อดีกว่าครับ

มีวันหนึ่ง หลายปีที่ที่ผมไปทำงานตามปกติ แล้วหลังจากนั้นก็ถูกเรียกไปข้างนอก เพียงเพื่อให้ได้รับข่าวว่า บริษัทของเราได้ถูกซื้อโดย Lorillard Tobacco ซึ่งเป็นบริษัทบุหรี่อันดับที่สามใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ณ เวลานั้น ก่อนที่จะถูกนำควบรวมเข้าไปในกลุ่มบริษัท RJR

ซึ่งตอนนั้นตัวผมเองก็มีคำถามหลายข้อ ว่าเราขายตัวเราเองหรือเปล่า? บริษัทได้ทำสัญญาหรือการเปลี่ยนแปลงอะไรโดยที่สามารถเสี่ยงเสียความซื่อสัตย์หรือไม่?

ที่สำคัญก็คือฉันจะอาศัยอยู่กับการทำงานในบริษัทที่ขายบุหรี่ได้มั้ย? บุหรี่ที่เราทราบกันอยู่แล้วว่ามันมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากแค่ไหน… แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เช่นกัน พนักงานของบริษัทได้สร้างสิ่งบางอย่างขึ้นมาและมีคนต้องการจ่ายเงินให้เรา 135,000,000 ดอลลาร์ ลองนึกภาพย้อนไปวันที่เราลองขายโต๊ะข้างเตียงราคา 20 เหรียญแล้วเปรียบเทียบดู โอว… ใช่ครับ เราทำสิ่งที่มันน่าทึ่งมาก!

กลับสู่เรื่องเดิมกันต่อ หลังจากที่การดำเนินการสำเร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องต้นคือการรับเยี่ยมจาก CEO ของบริษัท Lorillard ซึ่งใครๆก็คงคาดหวังว่าเจ้า “สัตว์ปีศาจ” แห่งมืดมิดที่สุดจะมาถึงและแถลงเจตนาร้ายเพื่อทำลายบริษัทของเรา

ผิดเลย! เพราะ เมื่อเข้ามาในห้องประชุม สิ่งที่ผมพบก็คือบางอย่างที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ไม่มีฮู้ดซาตานหรือเขาปีศาจปรากฏขึ้น แต่เป็นชายคนหนึ่งที่ยิ้มอย่างถ่อมตนและมีผมสีเทา สวมสูทสวย มีแว่นสายตาครอบคอ สิ่งแรกที่เขาทำคือการบอกเราว่าเขาเชื่อในสิ่งที่เรากำลังทำอย่างมาก

เขาเชื่อว่า บุหรี่ไฟฟ้า (E-cigs) คืออนาคตของผู้สูบบุหรี่! ซึ่งในที่สุดนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถปฏิวัติอุตสาหกรรม E-cigarette ได้

บุหรี่ไฟฟ้าคือสิ่งที่สามารถให้ผู้สูบบุหรี่ได้ทุกอย่างที่พวกรักที่จะสูบจากการสูบบุหรี่ โดยไม่มีสิ่งที่พวกเขาเกลียด (หรืออาจจะมีน้อยลง) และเขายังชี้ให้เห็นว่าเขาต้องการให้เราเป็นตัวเราเองอีกด้วย

ในช่วงเวลานี้หนึ่งในหน้าที่ของผมก็คือการตรวจสอบโซเชียลมีเดียเพื่อดูการกล่าวถึงของบริษัทของเรา (blu) ซึ่งก็พบว่ามีการกล่าวถึงมากมาย เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ที่กำลังได้รับความสนใจ หลายคนรู้สึกว่าการเข้ามาของ “big tobacco” ในวงการนี้คือต้องการที่จะมาฆ่าบุหรี่ไฟฟ้า และเป็นเพียงแผนการในการแข่งขัน โดยทำเพื่อที่จะใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวร้าย และทำให้ผู้คนกลับไปซื้อบุหรี่ของพวกเขาเองเหมือนพลอตทั่วๆไปในหนัง

แท้จริงแล้วผมก็รู้สึกช็อคไปนิดหนึ่งกับข้อความนั้น ซึ่งถ้าตามที่พวกเขาว่า blu ก็อาจจะอยู่ในตลาดได้สัก 1 ปี เต็มที่ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะผมหลงไปกับความรู้สึกชั่วครู่ และถ้านี้เป็นแค่ทฤษฏีสมคมคิด ก็คงมีคนขำไปแล้ว แต่เมื่อผมได้รู้จักพนักงานของ Lorillard มากขึ้น เห็นว่าทุกคนกลับร่วมมือกัน และพร้อมที่จะเชื่อใน e-cigs ว่าเป็นอากาศดีๆ ในธุรกิจบุหรี่ที่เริ่มช้าลง” พวกเขาเชื่อแบบนั้นจริงๆ

เมื่อเวลาผ่านมาหลายปี ผมก็ได้เห็ตเหตุการณ์สุดเจ๋งมากมาย หนึ่งในเรื่องที่ผมจำได้ขึ้นใจก็การจัดประชุมใหญ่หรือ Townhall ของ CEO ของ Lorillard โดยในงานนั้น เขาจะตอบทุกคำถามจากพนักงาน

โดยมีอยู่คำถามหนึ่งมาจากพนักงานที่ทำงานในโรงงานผลิต ดูเหมือนว่าเขากลัวสิ่งที่แตกต่างจากนักวิเคราะห์กลุ่มที่พบออนไลน์ จะเกิดอะไรขึ้นถ้า e-cigs เริ่มขายดีกว่าบุหรี่? เขาจะสูญเสียงานหรือไม่?

การตอบกลับจาก CEO Murray Kessler? นั่นคือ Lorillard จะหยุดขายบุหรี่ และเขาจะดีใจมาก ที่จะได้ขายเฉพาะ e-cigs เท่านั้น ฉันตกใจเล็กน้อย เพราะฉันไม่ได้คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนั้น (เชื่อว่าคนส่วนมากที่ได้ฟังก็คิดแบบผมเช่นกัน) จนถึงวันนี้ ทุกคนที่ฉันได้พบในอุตสาหกรรมนี้เสมอมีความเห็นเชิงบวกต่อบุหรี่ไฟฟ้าอย่างชัดเจน

สำหรับหลายคนที่อยากรู้ว่า สถาพแวดล้อมการทำงานตอนนั้นเป็นยังไง? สำหรับบริษัทอย่าง Lorillard นั้นมักจะรักษาระยะห่างของตนไว้เสมอ และไม่ค่อยมายุ่มย่ามสักเท่าไหร่ เปรียบเทียบให้เห็นภาพพวกเขาก็เหมือนคุณตาคุณยายรวยๆ ของเรา ที่จะเข้ามาช่วยหรือให้คำปรึกษาเฉพาะเวลาที่เราต้องการเท่านั้น

น่าแปลกใจสุดๆที่ทุกครั้งที่ต้องไปสำนักงานใหญ่ มันทำให้ผมนึกถึงความรู้สึกเวลาที่กำลังไปบ้านยาย ที่นั่นคุณจะได้พนักงานที่ทำงานกับ Lorillard มามากกว่า 35 ปี ก็นั่นแหละ คุณจะเกลียดบุหรี่ให้ตายเท่าไหร่ก็ได้ แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงว่าพวกเขารักษาและเลี้ยงพนักงานได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะ

แต่สิ่งน่าแปลกใจสุดๆ ก็คือจังหวะที่ผมมีโอกาสได้เข้าไปในห้องประชุมของพวก เพราะว่าทุกคนสามารถสูบบุหรี่ได้ในนั้น ผมในวัยสามสิบต้นๆ ก็บอกเลยว่าค่อนข้างช็อคกับภาพตรงหน้าอยู่สักเล็กน้อย

เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานอย่างไร? สำหรับบริษัท Lorillard มักจะรักษาการเป็นอย่างของตนเองไว้ที่ระยะห่าง พวกเขาเหมือนตายายที่มั่งมีความร่ำรวย ที่จะเข้ามาให้คำปรึกษาหรือความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ แปลกใจที่สุดคือการไปที่สำนักงานใหญ่มักจะรู้สึกเหมือนไปที่บ้านยาย มีพนักงานที่ทำงานในนั่นมากกว่า 35 ปี คุณสามารถเกลียดบุหรี่ในเมตราที่คุณต้องการ แต่บริษัทของบุคคลที่มีธุรกิจเกี่ยวกับบุหรี่ในทางทฤษฎีมีปัญหาการรักษาความสัมพันธ์น้อยมาก เหตุการณ์ที่น่าแปลกใจสุด ๆ ก็เกิดขึ้นในห้องประชุม เมื่อคุณยังสามารถสูบบุหรี่ได้ การอยู่ในวัยสามสิบหากเป็นเรื่องที่เปิดใจมาก ในการนั่งอยู่ในห้องประชุมในขณะที่คนอื่นสูบบุหรี่ ประสบการณ์การทำงานส่วนตัวของฉันคือ Lorillard ปล่อยให้ blu เป็นตัวเองได้ ซึ่งพูดให้เข้าใจเอง สรุปเรื่องยาว ๆ นั้นฉันชอบสภาพแวดล้อมการทำงาน นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกด้วย พระเจ้าเย้ย! ประโยชน์เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก เราไม่สามารถบอกคุณได้เท่าไหร่ ที่ผู้คนในอุตสาหกรรมการแพทย์พูดถึงประกันของฉันอย่างไรบ่อยๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

สั่งซื้อง่ายๆ ผ่านแอดมิน ตอบไวสุดๆ