เกร็ดความรู้ ที่จะทำให้คุณรู้จัก สารนิโคติน มากขึ้น

สิงห์นักสูบหลายๆคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า นิโคติน คือสารที่เราต้องการจากการสูบบุหรี่ ตั้งแต่บุหรี่มวน จนเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เราก็ยังอยู่กับมันในทุกๆวัน  เพราะมันคือสารที่ทำให้เรา ติด บุหรี่นั่นเอง แต่นอกจากนั้นคงมีน้อยคนมากที่จะรู้เกี่ยวกับเบื้องลึกเบื้องหลังของนิโคตินว่า มันมีอะไรรอให้เรารู้จักบ้าง เช่นนั้นวันนี้จะขอพาเพื่อนๆนักสูบไปรู้จักกับนิโคตินให้มากขึ้นกัน

นิโคตินมาจากไหน?

นิโคตินนั้นสามารสกัดได้จากพืชตระกูล genus nicotiana ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายสปีชีส์ แต่ที่นิยมนำมาใช้ทำบุหรี่มากที่สุดคือ abacum เนื่องจากมีปริมาณนิโคตินอยู่มากที่สุด

นิโคตินหน้าตาเป็นอย่างไร

เมื่อเราหยิบพอตขึ้นมาสูบ เราก็จะเห็นน้ำยาว่ามันก็ใสๆไม่ได้มีสีอะไรมากมาย แล้วน้ำยาทั้งหมดที่เราเห็นนั้น นิโคตินมันอยู่ไหนกันแน่ ซึ่งถูกต้องแล้วที่ไม่เห็นมัน เพราะตัวของนิโคตินั้นมีลักษณะ ใสๆจะดูคล้ายกับน้ำมัน ไม่มีสี ถ้าหากนำไปเผาไปก็จะเกิดสีน้ำตาลออกมาได้ ส่วนกลิ่นของนิโคตินจะคล้ายกับกลิ่นใบยาสูบ

ไม่ใช้แค่การสูบเท่านั้นที่สามารรับนิโคตินได้

โดยปกติแล้วเมื่อเราจะนำนิโคตินเข้าสู่ร่างกาย ก็มักจะมาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งมันจะถูกดูดซึมผ่านเยื่อเมือกที่บุผิวในปากและในจมูก และที่รู้กันอยู่แล้วคือทางปอด แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า นิโคตินนั้นสามารถดูดซึมผ่านทางผิวหนังได้ด้วย โดยจะมีแผ่นแปะนิโคติน ที่นิยมใช้กันในกลุ่มคนที่ต้องการเลิกบุหรี่

การทำงานของนิโคตินเป็นยังไง

นิโคตินสือสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เมื่อเสพในขนาดที่ต่ำๆจะกระตุ้นระบบประสาททำให้รู้สึกมีความสุข มีผลต่อระบบประสาทที่ไปควบคุมระบบฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการหลั่งสาร โดยนิโคตินจะไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารโดปามีน (dopamine) ในสมองและสารอื่นๆในร่างกายอีกด้วย

ทำไมเราถึงติดนิโคติน

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่านิโคตินนั้นถูกอยู่ในสารเสพติดด้วย แต่อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราติดมันนั้นคือ การที่มันสามารถกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารโดปามีน (dopamine) ตามข้อด้านบน ซึ่งโดปามีนคือสารที่ ทำให้เราเกิดความรู้สึก สุข สนุก ใจเต้นแรง ดังนั้นเมื่อเราสูบบุหรี่เข้าไปจึงสามารถแก้ความเครียดและทำให้เรามีความสุขขึ้นมาได้

มีแนวคิดที่จะนำนิโคตินมาใช้เป็นยาด้วย

ข้อนี้อาจทำให้หลายคนอึ้งกันไม่มากก็น้อย เนื่องจากตัวของ นิโคติน ที่จัดเป็นสารเสพติด โดยพื้นฐานแล้ว นิโคตินจะถูกใช้เพื่อรักษาคนที่ติดนิโคตินนี่เอง เพียงแต่จะลดปริมาณลง และจะมาในรูปแบบอื่นๆ เช่น หมากฝรั่ง แผ่นติดผิวหนัง หรือยาพ่นจมูก แต่ในอีกทางหนึ่ง ได้การพยามที่จะประยุกต์ใช้นิโคตินในการรักษาโรคอื่นๆ คือ โรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากมีการพบว่ากลุ่มคนที่ไม่สูบบุหรี่ มีความเสี่ยงต่อทั้งสองโรคดังกล่าวมากกว่าผู้ที่สูบบุหรี่เสียอีก

นิโคตินสามารถเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักได้

เจอข้อนี้เข้าไปหลายคนคงตาเป็นวาวเลย ซึ่งเหตุผลที่นิโคตินสามารถช่วยลดน้ำหนักได้คือ นิโคตินมีผลต่อกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ไม่อยากอาหาร ซึ่งนิโคตินในบุหรี่จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญในร่างกาย และกดความอยากอาหาร เมื่อหยุดสูบ ระบบเผาผลาญของจะลดลง แต่ถ้ากินเหมือนเดิมอาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้ แต่ถึงกระนั้นก็อย่าเลือกใช้บุหรี่เป็นตัวแปรหลักในการลดน้ำหนักเลย ใช้วิธีนี้แค่นานๆครั้งก็พอ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

นิโคตินสามารถทำให้ง่วงนอนได้ด้วย

บางคนอาจจะสังเกตุว่า หลังจากสูบพอตหรือบุหรี่เข้าไปแล้ว บางครั้งทำไมมันรู้สึกง่วงขึ้นมา นั่นก็เพราะว่า นิโคตินสามารถส่งผลคลายความกังวล ทำให้เกิดความผ่อนคลาย หรือง่วงนอนได้ด้วย ทั้งนี้ การออกฤทธิ์ของนิโคตินจะขึ้นอยู่กับระดับความตื่นตัวของระบบประสาทกับปริมาณนิโคตินที่ถูกเสพเข้าไปด้วย คือถ้ากำลังเพลียๆแล้วหยิบพอตขึ้นมาสูบฟอดใหญ่ๆก็อาจจะอยากฟุบลงบนเตียงนุ่มเลยก็ได้

นิโคตินไม่ได้ทำให้เกิดโรคที่พบในคนสูบบุหรี่

บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่านิโคตินทำให้เราเป็นโรคต่างๆมากมาย แต่ความจริงแล้ว สารต่างๆในควันบุหรี่ต่างหากเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคปอด โรคหัวใจ แต่ไม่ใช่นิโคตินเพราะนิโคตินเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติดเท่านั้น

เด็กเล็กไม่ควรเสพสารนิโคตินเข้าสู่ร่างกาย

จริงๆแล้วข้อนี้ต้องขอให้นักสูบรุ่นใหญ่วันเก๋าช่วยกันเตือนน้องๆที่กำลังหัดสูบบุหรี่ ซึ่งแน่นอนว่าของมันห้ามกันไม่ได้ แต่อาจต้องช่วยกันเตือนสักนิดนึง ไม่ให้สูบมากเกินไป เนื่องจากมีหลายเคสแล้วที่เป็นเด็กอายุตำกว่า 18ปี ถูกหามส่งโรงพยาบาลเนื่องจากได้รับสารนิโคตินในปริมาณที่มากเกินไป ต่างกับผู้ใหญ่ที่ร่างกายแข็งแรงและมีน้ำหนักตัวที่มากกว่า จึงสามารถทนทานต่อปริมาณของนิโคตินได้มาก

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสารนิโคติน เอาเข้าจริงหลายๆข้อก็ทำเอาตะลึงอยู่ไม่น้อยเลย อย่างเช่นการที่มีแนวคิดที่จะเอานิโคตินไปทำเป็นยารักษา แต่ว่าก็ว่า ยังไงเสียการสูบบุหรี่ก็ควรระวังและควบคุมปริมาณไม่ให้มากเกินไปด้วยเช่นกัน แม้แต่การสูบพอตหากสูบบ่อยขนาดวันละ 2-3 หัวก็อาจจะมากเกินไปและเสี่ยงต่ออาการปอดชื้นได้ ดังนั้นขอให้สบายนักสูบทุกท่านสูบอย่างมีสติและเพลินเพลินไปกับความสุนทรีของบุหรี่ไฟฟ้าให้เต็มที่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

สั่งซื้อง่ายๆ ผ่านแอดมิน ตอบไวสุดๆ