ทุกเรื่องที่ต้องทราบก่อนเริ่มต้นใช้ “พอตใช้แล้วทิ้ง”

เพื่อน ๆ คงเห็นกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เลยใช่มั้ยครับ? ว่ามีคนเริ่มหันมาใช้ Disposable Pod (พอตใช้แล้วทิ้ง) กันเยอะขึ้น ทุกวัน โดยเฉพาะสายปาร์ตี้ หรือสำหรับผู้หัดสูบ ตั้งแต่เริ่มมาใช้พอตแบบใช้แล้วทิ้ง ก็แทบจะไม่หันไปเหลียวแลพอตเปลี่ยนหัวแบบเดิมๆ อีกเลย เพราะชินกับการที่ใช้แล้วก็ทิ้งได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนหัว ไม่ต้องเติมน้ำยา หรือพกอุปกรณ์เสริมให้ยุ่งยากอีกต่อ

ดังนั้นการที่พอตใช้แล้วทิ้งยอดนิยมต่างๆ เป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับการใช้งานพอตหรือบุหรี่ไฟฟ้าของคุณ ก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะมันราคาถูก สะดวก ใช้ง่าย เหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่อยากลองเปลี่ยนจากบุหรี่มาเป็นบุหรี่ไฟฟ้า หรือใครที่อยากเลิกบุหรี่แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง การซื้อ Pod System หรืออุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าครบชุดก็อาจจะยากไปหน่อยสำหรับมือใหม่ แถมยังต้องคอยเติมน้ำยา เปลี่ยนคอยล์ เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับใครหลายคน

ความนิยมพอตใช้แล้วทิ้ง มันเริ่มขึ้นตอนไหนกัน?

ความนิยมในบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง นั้นเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแบบชัดๆ ในช่วงโควิด-19 ตอนที่เรา WFH ต้องอยู่แต่บ้านกันนานๆ แน่นอนว่าเพื่อน ๆ หลายคนมองหาทางเลือกที่สะดวก งบไม่บาน ไม่ต้องออกไปซื้อข้างนอก แบรนด์บุหรี่ไฟฟ้าดังๆ ทั้งหลายอย่าง KS, JUES, VMC และแน่นอนว่า INFY ด้วย ก็แห่กันมาทำ พอตแบบใช้แล้วทิ้ง ออกมาแข่งกันใหญ่เลย ซึ่งนับว่าตอบโจทย์ตั้งแต่ในยุคที่ทุกคนอยู่บ้าน ติดกันมาเป็นเทรนด์จนถึงตอนนี้นั่นเอง

งั้นเรามาทำความรู้จักกับตัว Disposable Pod กันหน่อยดีกว่า พร้อมแนะนำวิธีการเลือกซื้อให้เหมาะกับตัวเรา จะได้ไปลองเล่นกันดู แล้วอาจจะติดใจเลิกบุหรี่ได้เลยก็ได้นะเนี่ย!

Disposable Pod พอตแบบใช้แล้วทิ้งได้ มันคืออะไรกันแน่นะ?

อธิบายง่ายๆ Disposable Pod ก็คือบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งนั่นเอง มาในรูปทรงแท่งเหมือนบุหรี่ อาจมีบางคนเรียกมันว่า “Disposable E-Cig” “บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง” หรือแค่ “ดูดทิ้ง” แต่ถ้าเทียบกับบุหรี่ไฟฟ้าทั่วๆ ไปแล้ว ปัจจุบันก็แทบจะต่างกันเรื่องเดียว ก็คือต่างกันเรื่องไม่สามารถเปลี่ยนกลิ่นน้ำยา E-liquid หรือเปลี่ยนหัวน้ำยาได้ ส่วนที่เหลือแทบจะมีความเหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใช้งานพื้นฐาน และปัจจุบันพอตใช้แล้วทิ้งก็สามารถชาร์จได้ ไม่ต่างจากพอตระบบปิดยอดนิยม อย่าง RELX Infinity หรือ KS Kurve ที่เราเคยใช้ๆ กันมา

หรือถ้าหากเปรียบเทียบบุหรี่ไฟฟ้าทั่วไป กับพอตใช้แล้วทิ้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความต่าง การใช้พอตใช้แล้วทิ้งจะทำให้คุณลืมอุปกรณ์เสริมสุดคูลต่างๆ ของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบเดิมๆ ไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็น คอยล์ สำลี หัว ที่ชาร์จ ดังนั้น ใครที่ไม่ชอบเสียเวลาหรือดูแลจุกจิก พอตใช้แล้วทิ้งสามารถเป็นตัวเลือกที่ดี และใช้แทนการสูบบุหรี่ทั่วไปได้แบบสบายๆ

6 ข้อดีของการเลือกใช้พอตแบบสูบทิ้ง (ในยุคปัจจุบัน) ผู้บริโภคได้รับผลประโยชน์เต็มๆ✨

ข้อดีของพอตใช้แล้วทิ้งเหล่านี้ อาจจะฟังดูแล้วจำเจ เพราะหลายคน ก็เคยอ่านมาบ้างแล้ว และก็ทราบดีว่า มันสะดวกสบายแค่ไหน แต่ลองอ่านโพสท์นี้ของเราให้จบ อาจจะให้ข้อมูลที่ดีๆ และมีประโยชน์กับคุณมากขึ้นก่อนจะเริ่มใช้พอตชนิดนี้

1. มีแบบให้เลือกเยอะกว่า – เพราะตอนนี้ พอตใช้แล้วทิ้งกำลังอยู่ในเทรนด์ แน่นอนว่าทุกโรงงาน หรือทุกแบรนด์ทั่วโลก ย่อมต้องทุ่มงบพัฒนาและค้นคว้าพอตใช้แล้วทิ้งใหม่ๆ ออกมาให้เลือกซื้อ เลือกใช้งานกัน กระทั่งแบรนด์ใหญ่อย่าง RELX ก็ออกพอตใช้แล้วทิ้งใหม่ล่าสุดลงมาเล่นในตลาดแล้วเช่นกัน
2. ฟังก์ชั่นจัดเต็ม – เมื่อมีรุ่นออกมาให้เลือกเยอะๆ แน่นอนหล่ะครับ ว่าตลาดก็ต้องแข่งขันกันแบบสุดๆ ดังนั้นแทบจะทุกแบรนด์ ก็เข็นเทคโนโลยีเรือธง หรืออาวุธลับออกมาใส่โปรดักส์แบบ Disposable กันแบบไม่มีกั๊ก ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีคอยล์เซรามิคสุดล้ำต่างๆ ความจุแบตเตอร์รี่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น้ำยา SaltNic คุณภาพสูง หรือจะเป็นฟังก์ชั่นเสริมอย่างจอ LCD ตัวเครื่องแบบใสมองเห็นน้ำยา เรียกว่า มีอะไรก็แทบจะใส่กันมาแบบหมดแมกซ์ทีเดียว
3. สะดวกใช้ – ไม่ต้องซื้อหัวพอตแยก ไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริม ไม่ต้องกดปุ่ม ไม่ต้องเติมน้ำยาหรือเปลี่ยนคอยล์ สูบได้เลยตามใจชอบ จนหมดปริมาณที่ทางแบรนด์เคลมหรือกำหนดไว้
4. มีรสให้เลือกเยอะกว่า – ไม่ต้องนั่งคิดว่าจะเอาน้ำยารสไหนดี ชอบแบบไหน เพราะแต่ละแบรนด์ก็ออกกลิ่นหรือตัวเลือกออกมาให้เลือกกันแบบจุใจ อย่าง INFY 6000 Puffs ก็มีให้เลือกมากกว่า 30 กลิ่น/รสชาติ ในปัจจุบัน
5. ปลอดภัยกว่า – ไม่มีสารพิษอย่างทาร์ นิโคติน และคาร์บอนมอนอกไซด์ เหมือนบุหรี่ธรรมดา ลดอันตรายถึง 95%
6. ไม่มีกลิ่นติดตัว – ไม่ทิ้งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ติดตัวหรือติดบ้าน สูบได้อย่างสบายใจไม่ต้องเขินใคร
7. ประหยัด – ราคาอยู่ที่ประมาณ 250-400 บาท สูบได้ราว 600-1500 ครั้ง จุใจเลยทีเดียว

จะใช้ Disposable Pod ของ NEX111 อย่างไรนะ? 🚬

ง่ายมาก ๆ เลย แค่แกะซีลออกมา ดูดเหมือนสูบบุหรี่ปกติได้เลย ไม่ต้องกดปุ่ม ไม่ต้องกังวลเรื่องแบต เพราะมันจะทำงานอัตโนมัติเมื่อคุณสูดเอาควันเข้าไป แนะนำให้รอสักสองสามนาทีหลังแกะก่อน เวลาสูบก็ไม่ต้องดูดแรงเหมือนบุหรี่ทั่วไปนะ ค่อย ๆ ดูดเบา ๆ รสชาติจะได้อร่อยถูกใจ ส่วนจะสูบกี่มวนต่อวันก็แล้วแต่คุณเลย แต่ไม่ควรมากเกินไปก็พอ

NEX111 Disposable Pod ใช้ได้นานแค่ไหน จะรู้ได้ไงว่าหมดอายุแล้ว ⏳

Disposable Pod ส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 600 – 1500 ครั้ง ขึ้นอยู่กับรุ่น สำหรับ NEX111 จะอยู่ที่ราว 600 ครั้งหรือจะเทียบก็ราวๆ 2-3 วัน หรืออาจจะนานกว่านั้นถ้าคุณสูบไม่บ่อย จะรู้ได้ยังไงว่ามันหมดละ? ง่ายมาก รสชาติน้ำยาจะเริ่มจางลงแล้วหายไปในที่สุด ไอก็จะเริ่มน้อยลง ถ้าแบบนั้นปล่อยทิ้งๆ ไว้ได้เลย แล้วหยิบอันใหม่มาแทนได้เลย

Disposable Pod มีรสชาติอะไรให้เลือกบ้าง? 😋

นี่แหละจุดเด่นของ Disposable! รสชาติเยอะแยะมากมายให้เลือกเล่น ไม่ซ้ำใคร ที่ NEX111 เองก็มีครบทุกสไตล์ อยากสูบแนวผลไม้ก็มีทั้งรสมะม่วง แอปเปิ้ล กีวี่ ส้ม ฯลฯ ชอบรสนิโคตินเย็นๆ สไตล์บุหรี่ก็มีให้เลือก หรือใครที่ชอบความหวานหอมของคาราเมล วนิลา บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก น้ำผึ้ง เมนทอล ก็มีหมดเลย นี่ยังไม่นับ limited รสพิเศษที่มีออกมาเรื่อยๆ แถมยังมีความแรงของนิโคตินให้เลือกด้วย 3%, 5% หรือ ปลอดนิโคติน ก็มีให้เลือก แล้วแต่ใจชอบเลยจ้า

อยากลอง Disposable Pod ดูสักตัว ควรเลือกยังไงดี? 🤔

ตอนนี้แบรนด์ Disposable Pod มีเยอะมากๆ วางขายทั้งหน้าร้าน online ต่างๆ แถมแต่ละแบรนด์ก็มีหลายรุ่นหลายสเป็กให้เลือก งงกันพอดี๊พอดีเลยใช่มั้ยล่ะ เราเลยมีเคล็ดลับง่ายๆ ในการเลือก Disposable Pod มาฝากดังนี้:

1. ดูรีวิวแบรนด์ที่สนใจจากรุ่นพี่สายบุหรี่ไฟฟ้าดูก่อน อ่านเยอะๆ ถามไถ่กันในกลุ่มจะได้เห็นภาพรวมๆ
2. ลองเลือกยี่ห้อดังๆ ไว้ก่อน เช่น NEX111, JOUZ, DAZE, FOOM เพราะมั่นใจได้ในคุณภาพ รสชาติ และมีวางขายทั่วไป หาง่าย
3. ลองเลือกรสชาติที่คิดว่าน่าจะชอบไว้ก่อน เช่น รสผลไม้ หรือจะนิโคตินแบบไหน 3% 5% ปลอดนิโคติน ก็เลือกได้ตามชอบ
4. ดูจำนวนพัฟต่อแท่งที่เหมาะสมกับคุณ ถ้าสูบไม่บ่อยก็แนะนำเลือกประมาณ 500-800 พัฟ ถ้าสูบจัดๆ ก็เลือก 1000-1500 พัฟ
5. ศึกษารีวิวรุ่นที่คุณสนใจให้ดีก่อน อ่านเรื่องรสชาติ ปริมาณควัน ความทนทานของตัวเครื่องและแบต จะได้ไม่เสียดายตังค์
6. ลองเข้าไปดูตาม 7-11 หรือซื้อออนไลน์หลายๆ ร้าน เป